วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2557

แก้วกาแฟ สำคัญไฉน?

หลายๆท่านคงเกิดคำถามว่า แก้วกาแฟแต่ละแบบ มันให้ผลลัพธ์แตกต่างกันอย่างไร

บางแก้ว มีขนาดบาง หนา แตกต่างกันไป ขนาดบาง แน่นอนว่า น้ำหนักมันก็เบา
แต่หนา จะหนัก มีน้ำหนักที่จับแล้วพอดีไม่โหวงเหวง เมื่อแก้วมีขนาดหนาขึ้น มันช่วยเรื่อง Mountfeel ได้เป็นอย่างดี แก้วหนาจะมี mouthfeel ที่ดีกว่า

ส่สนเรื่องรูปทรงของแก้ว เอสเปรสโซ่ จะมีแก้วแบบเห็นกันบ่อยๆสามแบบคือ

1 ทิวลิป
2 ทรงแบบ illy (ทรงอ้วน)
3 ทรงสูง

สามแบบ เมื่อชง espresso แล้วลองชิมเทียบดูครับ เรื่องรูปทรงของแก้วมีผลมากๆเรื่องกลิ่นแรก และรสสัมผัส ซึ่งแต่ละอย่างมีเสน่ห์เฉพาะตัวแตกต่างกันไปตามขนาด วัสดุที่ใช้ และรูปทรง

ถ้าผู้อ่านว่างๆแล้วอยากเปลี่ยนแก้วใหม่ลองไปดื่มกาแฟตามร้านที่ขายแก้วประเภทนี้ดูครับ ชิมแล้วจำทรงที่ประทับใจ แล้วเอาไปปรับใช้เองที่บ้านหรือร้าน ก็เพิ่มความสุนทรีย์ในการดื่มกาแฟได้อีกมากโขเลยครับ

สวัสดีปีใหม่ครับ

วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สรุปงานมวลมหากาแฟ

ขณะนี้เวลา 03.21 น. ของเช้าวันที่ 25 ธันวาคม 2557
ผมเพิ่งกลับจากคุยกับรุ่นพี่ที่ผมเคารพรักคนนึง
เค้ามีแนวคิดที่ดีมากๆเกี่ยวกับกาแฟไทย

งานรวมมวลมหากาแฟฯ ที่จัดขึ้นผมต้องขอขอบคุณผู้ร่วมงาน ผู้ร่วมแรงจัดทุกท่านที่เกี่ยวข้องทำให้เกิดงานนี้ขึ้น โดยโต้โผใหญ่ พี่ปิ ปิยชาติ ไตรถาวรแห่งร้านแกลลอรี่ กาแฟดริป ที่เป็นต้นคิดจัดงานประเภท "ไม่เป็นทางการแต่จริงจัง"
โดยที่คาดการณ์(โดยผมเอง) ว่ามีผู้ร่วมงานซัก 20 คนก็พอแล้ว แต่กลายเป็นสามเท่า คือเกือบๆ 60 คนจาก 17 ร้านกาแฟ และผู้ดื่มกาแฟ โดยมีผู้ใหญ่ให้เกียรติมาร่วมงานเล็กๆนี้อย่าง
พี่ติ๊ก อภิชา แย้มเกษรจาก Salotto พี่ไนซ? ศิรฎา เตชะการุณ จาก P&F coffee พี่ตู๋ ต่อพงษ์ จาก Espresso man และพี่ซาน ชาตรี ตรีเลิศกุล จากพาคามาร่า ที่ตามมาตอนดึกๆ
และคนสำคัญอีกคนก็ พี่บิว แห่ง Fsctory Cafe and Brew bar ที่ให้ใช้สถานที่

แต่งานครั้งหน้า หวังว่าจะได้จัดเร็วๆนี้และหวังว่าจะได้พบผู้อ่าน blog นี้ทุกท่านนะครับ

วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557

รวมมหามวลสารกาแฟในวาระดิถีขึ้นปีใหม่2558ครั้งที่1

เรียน มิตรสหายทางกาแฟที่รัก
เนื่องในวาระอันน่าจะเป็นมงคล ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่อันใกล้นี้ ร้านแกลอรี่ กาแฟดริป และ ร้านแฟคทอรี่ คาเฟ่ แอนด์ บริว บาร์ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่จะขอเรียนเชิญทุกท่านเข้าร่วมงานที่ไม่เป็นทางการแต่จัดจริงในชื่องาน "รวมพลังมวลมหาสารกาแฟในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ครั้งที่1" ในวันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม 2557 เวลา ห้าโมงเย็นถึงดึกๆ ณ ร้าน Factory Cafe and Brew Bar (Factory Espresso Bar เดิม)

ทั้งนี้มีเงื่อนไขสำคัญในการเข้าร่วมงานเพียงเล็กน้อย คือ ผู้ร่วมงานทุกท่านต้องนำ เมล็ดกาแฟ ซิงเกิ้ล ออริจิ้น ที่คั่วแล้ว และไม่เก่าเกินกิน โดยไม่จำกัด สายพันธุ์ ประเทศ จังหวัด อำเภอ ตำบล หรือระดับการคั่ว โดยให้บรรจุมาในถุงพลาสติกใสรัดหนังสติ๊กมองเห็นได้ง่าย ในปริมาณ 20 กรัม ต่อผู้ร่วมงาน 1 ท่าน พร้อมระบุ ไอเดนติตี้ของกาแฟออริจิ้นนั้นๆอย่างละเอียดที่สุดเท่าที่ท่านทราบ

จุดประสงค์เพื่อนำซิงเกิ้ลทั้งหมดมาเบลนด์เป็น "มหามงคลชัยในวาระดิถีขึ้นปีใหม่2558เบลนด์" โดยเปิดรับมวลสารกาแฟตั้งแต่ ห้าโมงเย็น ถึง หนึ่งทุ่มเก้านาที และหลังจากนั้น จะนำเบลนด์อันเป็นมหามงคลนี้ มาชงดื่มฉลองกันในหมู่มิตรสหายทางกาแฟ ด้วยวิธีสกัดในรูปแบบต่างๆ อาทิ ดริป เฟรนช์เพรส แอโร่เพรส เวียดนาม ไซฟ่อน เอสเปรสโซ่ ถุงเท้า ตุรกี หรือตามแต่อุปกรณ์ที่จะหากันมา

และในช่วงท้าย หลังจากดื่มกาแฟแล้ว จะมีการร่วมสนุกชิงรางวัล โดยให้ผู้ร่วมงานทายว่ามีซิงเกิ้ล ออริจิ้น อะไรบ้างในมหามงคลฯลฯเบลนด์นี้ ใครทายถูกมากที่สุดตามลำดับจะได้รับรางวัลพิเศษที่เตรียมไว้จำนวนมาก

อาจจะกระชั้นชิดไปเสียหน่อยเพราะเพิ่งคิดได้และเนื่องจากไม่ได้เป็นทางการ ไม่มีพิธีรีตองอะไรมาก แต่อยากเรียนเชิญมิตรสหายทางกาแฟที่รักทุกท่าน มาร่วมสนุก ด้วยใจจริง จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาเข้าร่วมงานในวันเวลาดังกล่าว

ป.ล.รางวัลพิเศษที่กล่าวไปข้างต้น หากมิตรสหายทางกาแฟที่รักท่านใด สนใจสนับสนุนเพิ่มเติมก็ให้นำติดตัวมาในวันงานเลย ส่วนกิจกรรมอื่นๆ ที่อยากให้มี ก็ให้คิดเพิ่มเติมกันเอาเอง ตามแต่ใจปรารถนาโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ

ด้วยรักและคิดถึงและหวังว่าจะนำกาแฟและของรางวัล มาร่วมงานโดยพร้อมเพรียง
แกลอรี่ กาแฟดริป
แฟคทอรี่ คาเฟ่ แอนด์ บริวบาร์

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เปรียบชีวิต ดั่งกาแฟ

กาแฟที่ถูกคั่วมาใหม่ มันจะอร่อยในระดับนึง แต่มันก็จะอร่อยเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้นเรื่อย เหมือนกราฟพาราโบร่า จนเมื่อถึงขีดสุด มันก็จะค่อยๆตกลงมา

ไม่ต่างอะไรกับชีวิตคนเรา
ไม่ต่างกันเลย.

วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2557

ช่วงนีีคนทำกาแฟ"ขาดตลาด"

ช่วงนี้เท่าที่ทราบๆมา หลายๆร้านต่างหาคนทำกาแฟ มายืนบาร์ที่ร้านตัวเอง

แต่สเปคส่วนใหญ่ๆที่หลายๆร้านต้องการเรียกว่า Ready Meal

คือประมาณว่า ฉีกซอง เทน้ำร้อน สุก ใช้งานได้เลย

ส่วนตัวยังเป็นลูกจ้างกินเงินเดือนอยู่
และก็รู้จักหลายๆคนที่ต้องการทำกาแฟเหมือนกัน แต่สมัครที่ไหนไม่มีใครรับเลย
เพราะพวกเค้าเหล่านั้นยังไม่ Ready meal นี่แหละ

และคนว่างงาน และ ready meal จริงๆก็มีน้อยเหลือเกิน มีหลายๆร้านที่เปิดเองแบบเจ้าของทำเอง ก็ไปช่วยร้านคนรู้จักกันยืนบาร์ในวันที่ร้านตัวเองหยุดก็มี

ส่วนมากมีหลายคนให้ผมช่วยแนะนำให้ร้านต่างๆให้ ผมก็ช่วยได้ตามที่ผมสามารถทำได้
แต่คนเหล่านั้นกลับไม่ที่จะขวนขวายตัวเองให้พร้อมกับการทำงานเอาเสียเลย

คนทำกาแฟที่ว่า ในความหมายผมไม่ใช่แค่ทำกาแฟ
แต่หากต้องรู้ เข้าใจเทคนิค ชิมกาแฟเป็น และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้

4 หลักที่ว่า มีเพียงอย่างเดียวที่ต้องใช้ประสบการณ์คือการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า

แต่ความรู้ เข้าใจเทคนิค ชิมกาแฟ สิ่งเหล่านี้โรงเรียนสอนกาแฟคุณภาพนั้นสอนทุกอย่างที่ผมกล่าวมา ลองไปเทคคอร์สสั้นๆเพื่อให้รู้ว่าตัวเองชอบมันจ่ิงๆหรือเปล่า ถ้าชอบ แล้วได้อะไรกลับมาจากการเรีนน ซึ่งพวกนี้เป็นใบเบิกทางชั้นดีในการสมัครงานร้านกาแฟครั

ส่วนตัว ไม่เคยเรียนจากสถาบันไหนเลยใดๆทั้งสิ้น หากแต่อาศัยถาม เก็บข้อสงสัยถามผู้รู้ ศึกษาจากอาจารย์ยู(ทูป) บทความ บล็อคต่างๆ มีให้อ่านไม่หวาดไม่ไหว

และผมก็เก็บข้อมูลต่างๆมาใช้ในบาร์จริงที่ผมทำงานเพื่อการทดลองของผมเอง ฮ่าๆ
แบบผมนั้น ข้อเสีย มันคือ ใช้เวลานาน และถ้าผิด ก็จะงมหลงทางเอาง่ายๆ ไม่มีใครบอก ยกเว้นตัวเองครับ แต่ข้อดีผมเห็นชัดๆคือการมีความขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติมตลอดเวลา และประสบการณ์ยืนบาร์ครับ มันทำให้ข้อมูลผมไม่เก่ามากเท่าไหร่ครับ
แต่ถ้าเรียนก็จะมีคนชี้แนวทางให้ และถ้าเรียนกับโรงเรียนที่สอนเชิงคุณภาพที่ไม่ใช่ธุรกิจ
ส่วนใหญ่เค้าจะสอนให้ต่อยอดเองได้ทั้งนั้นครับ ขึ้นอยู่กับความคิดผู้เรียนล้วนๆ

ไงผมก็ขอให้สู้ๆสำหรับคนที่หางานและร้านที่หาคนทำงานครับ ผมเชื่อว่าเดี๋ยวอีกไม่นานคงจะมีแบบฉีกซอง เทน้ำร้อน เดินกันให้ชนเลยครับบ

วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557

ทำไมต้องคั่วอ่อน

กาแฟคั่วอ่อนคืออะไร ?

ถ้าคุณผู้อ่านไปซื้อกาแฟคั่วบดมาชงดื่มเอง หรือชงขาย
คงจะรู้จักคำว่า คั่วอ่อน คั่วกลาง คั่วเข้ม

แล้วทำไมเดี๋ยวนี้คนนิยมดื่มกาแฟคั่วอ่อนกันล่ะ มันเปรี้ยวอย่างกะของบูดยังกินกันอีก

ทีนี้ต้องพูดถึงแรงบันดาลใจของคนคั่วและจุดประสงค์ล่ะ คั่วอ่อนมันดีอย่างไง คนสมัยใหม่ถึงนิยมดื่มกัน

เพราะมันเป็นการคั่วกาแฟเพื่อดึงคาร์แรคเตอร์ของกาแฟแต่ละตัว ออกมาให้มากที่สุดไงครับ

กาแฟเป็นผลไม้ ภายในมีกรดต่างๆประกอบกันอยู่มากมาย การคั่วอ่อนคือการทำให้เมล็ดกาแฟสุกโดยที่ยังมีคาร์แรคเตอร์ต่างๆเหลืออยู่ตามสายพันธุ์และพื้นที่การปลูก

เอธิโอเปีย กาแฟแหล่งกำเนิดแรกของโลก ค่อนข้างมีความเป็นผลไม้ชัด
เคนย่า อาจจะมีความเป็นมะนาวชัด
สุมาตรา อาจจจะมี sprice
แต่ชวา รสชาดอาจจะดีกว่า ทั้งๆที่เอยู่ประเทศเดียวกันแต่คนละเกาะ

แต่ละแหล่งปลูก ก็มีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป
บางที แค่เป็นกาแฟที่ปลูกคนละฝั่งเขา รสก็ต่างกันแล้วครับ ต่อให้คนโปรเซสเป็นคนเดียวกันก็ตาม มันจะมีจุดต่างกันนิดๆหน่อย ที่สัมผัสได้ครับ

จุดประสงค์คั่วอ่อนก็มีอย่างนี้แหละครับ
คนดื่มอย่างเราๆก็สนุกขึ้นทุกๆวันเพื่อตามดื่มกาแฟจากหลายที่ต่างๆ

ส่วนตัวผม ไม่รู้ว่าผมจะตายก่อนได้ดื่มกาแฟจากทั่วโลกหรือเปล่า
แต่หวังว่ากว่าจะแก่ตายคงได้มีโอกาสดื่มกาแฟจากประเทศต่างๆ ต่างสวน ต่างไร่ เพิ่มประสบการณ์ให้ตัวเองยิ่งๆขึ้นไปครับ

วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2557

Single Origin คืออะไร ?

Single Origin คืออะไร ?

หลายๆคนอาจจะแค่คุ้นหู หลายๆคนอาจจะงง แต่ก็มีอีกหลายๆคนที่คำนี้เกี่ยวข้องในชีวิตประจำวัน

Single Origin คือกาแฟจากแหล่งปลูกเดียว ที่จะเลือกนำมาใช้คั่วกาแฟนั่นเอง
หากแต่คำนี้มักจะใช้ในการดื่มกาแฟแบบ Slow bar มากกว่า Espresso เพราะจุดประสงค์ของการดื่มกาแฟจากแหล่งปลูกเดียว ก็เพื่อว่าจะได้รับรู้ว่า รสชาดของกาแฟแต่ละแหล่งปลูกนั้น มีเอกลักษณ์อย่างไรบ้าง มีส่วนน้อยมากที่จะเอามาเบลนเพื่อเพิ่มรสและกลิ่นให้ซับซ้อนขึ้น เหมือนเวลาการดื่มเอสเปรสโซ่ ที่มักจะต้องการรสชาติหลากหลายกว่า รสเดียวโดดๆ

ใช้ชงเอสเปรสโซ่ได้มั๊ย ?

ได้ครับ ไม่มีอะไรผิด เพียงแค่ความซับซ้อนของรสชาด มันมีแค่อย่างเดียว แต่ชัดกว่าการดื่มแบบ Slow bar เยอะแยะเลยครับ เปรี้ยวก็เปรี้ยวจัด หวานก็หวานจัด

ทำไม Single Origin ส่วนใหญ่ถึงแพง

ผู้อ่านคงเคยได้เห็นถุงกาแฟจากประเทศนอก ทั้ง Africa , Central America
ขายกัน ถุงละ 450-500 หรือแพงกว่านั้น ในจำนวนน้ำหนักกาแฟเพียง 250 g

โดยทั่วไปนั้น เมล็ดสารกาแฟ ก็ราคาแพงอยู่แล้ว และในสารกาแฟก็ยังมีความชื้นที่เป็นน้ำหนักของมันอยู่ ฉะนั้น กาแฟสาร 1 กิโลกรัม พอคั่วเสร็จแล้ว น้ำหนักเหลือแค่ 700-800 กรัมเท่านั้นเองครับ น้ำหนักมันจะเบาขึ้น

แล้วทำไมสารกาแฟไทยยังคั่วขายกิโลละ 450 ได้ล่ะ ?

เพราะการโปรเซสและปลูกกาแฟ คนละเป้าประสงค์กันครับ เมล็ดกาแฟไทยยังใช้เป็นพันธุ์ คาร์ติมอร์เป็นหลัก มันเกิดจากการกลายพันธุ์ของกาแฟอราบิก้า แล้วนำไปผสมกับโรบัสต้า ให้มันปลูกง่าย ทนต่อโรค แต่ข้อเสียมันคือ รสชาดไม่ค่อยดีครับ และปลูกเยอะมาก การโปรเซสอาจจะธรรมดา ราคามันจึงไม่แพงมากเทียบกับกาแฟไทยที่ปลูกพันธุ์ดีเช่น ทิปปิก้า ชวา เกอิชา เมล็ดกาแฟจากพันธุ์เหล่านี้ย่อมให้รสกาแฟที่ดีกว่า แต่อาจจะมีข้อเสียสำหรับชาวสวนที่ตามมาคือ ดูแลยากขึ้น จึงสามารถขายในราคาที่แพงได้ และตลาดกำลังต้องการด้วยครับ และยิ่งนำไป Process ดีๆเช่นกับทำกระบวนการตากแห้ง หรือแบบเปียกพิเศษ อาจจะทำให้กาแฟมรเอกลักษณ์มากขึ้น ยิ่งสามารถขายในราคาสูงได้ ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ขึ้นอยู่กับคนปลูก และคน Process ซึ่งอาจจะเป็นคนเดียวกัน หรือคนละคนก็ได้ครับ เพราะฉะนั้นเวลาเจอกาแฟดีๆที่ขายสมราคาและรสชาด ไม่ต้องไปสงสัยหรอกครับว่าแพงตรงไหน ผลประโยชน์สุดท้ายตกไปหาคนปลูก เค้าจะได้มีกำลังใจทำกาแฟดีๆให้เราดื่มอีกหลายๆฤดูกาลครับ

วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เจ๊กุง ก๋วยเตี๋ยวเป็ด ก๋วยเตี๋ยวห่าน สะพานเหลือง

สวัสดีครับมารีวิวอาหาบ้าง คุยแต่กาแฟกลัวจะเบื่อกัน ฮา ร้านนี้เด็ดมากๆครับ อร่อยจริงๆ

พอดีเมื่อคืนได้รับข่าวมาว่า มีร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ด ก๋วยเตี๋ยวห่าน สะพานเหลืองที่อร่อยมากๆ
ผมเลยรีบนัดแนะกับคนรู้จักให้ไปเจอกีนที่นั่นเลยครับ



ผมปั่นจักรยานจากหอศิลป์ กรุงเทพ ผ่านบรรทัดทอง ข้ามถนนพระรามสี่ก็ถึงแล้ว
ครับ

ร้านจะอยู่ในซอยเล็กๆข้างๆเช็งเซียมอี้ ใกล้ๆสี่แยกไฟแดงเลยครับ


ป้ายเมนูง่ายๆมีห่านกับเป็ด โดยส่วนตัวไม่กล้ากินห่าน เลยจัดเป็ดอย่างเดียวก็แลีวกัน


เลยสั่งชามแรกมาลองก่อนว่าดีหรือเปล่า เลยเอาเป็นบะหมี่เป็ดน้ำ


เป็ดที่นี่จะออกค่อนข้างนุ่ม ชิ้นหนา และไม่มีกลิ่นสาป ไม่ได้ทุบเป็ดให้แบนๆ
แบบนี้สำหรับผมผ่านเลยครับ

ส่วนน้ำซุปจะเป็นแบบพะโล้ ไม่ใช่ซีอิ้วดำครับ ไม่เค็ม ออกหวานกำลังดีๆ

ไม่รอช้าสั่งชามสอง ลองเส้นใหญ่แห้ง


คลุกคลิกมาพร้อมกับน้ำพะโล้เข้มข้นกว่าแบบก๋วยเตี๋ยวน้ำ อร่อยมากๆครับ

แล้วตบท้ายด้วย เส้นหมี่เนื้อเป็ดล้วนน้ำ


ราคาชามพิเศษครับ 60 บาท ปกติกินสองชามก็อิ่มแล้ว แต่เมื่อวานปั่นจักรยานเลยกินเยอะเป็นพิเศษครับ ฮา
การเดินทางสามารถจอดรถได้ริมถนนพระรามสี่ได้ครับ ส่วนจักรยานสามารถจอดในร้านได้เลย ไม่ต้องกลัวหายครับ

ส่วนตัวอยากให้ไปลองทานกันเยอะๆครับ คุณภาพดีและราคาไม่แพง คนน้อยไม่ต้องต่อคิวกินด้วย กินสบายๆเลยครับแบบนี้

วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Siam Coffee Map

สวัสดีครับ

วันนี้จะมาแนะนำ Account Instagram ที่เหมาะมากๆแก่ผู้ดื่มกาแฟทุกๆท่าน
ผมเชื่อว่าหลายๆคนที่ดื่มกาแฟจริงจัง รวมถึงผมคง follow account นี้อยู่

Siamcoffeemap

Account นี้จะมาพาทุกท่านไปร้านกาแฟทั่วประเทศไทยเท่าที่จะไปถึงได้
โดยจะเน้นเรื่องคุณภาพของกาแฟเป็นสำคัญ รวมถึงทัศนะคติคนชง แนวคิดต่างๆ ของร้านต่างๆที่แตกต่างกันไป เอามารีวิวแบบสั้นๆง่ายๆได้ใจความ

ในนี้น้อยมากกว่าที่จะเป็นร้านแบบ mass ทั่วไป ส่วนใหญ่จะเป็นอินดี้ที่เน้นคุณภาพ กาแฟดีเป็นหลัก หรืออินดี้เชนคุณภาพ (เช่น Casa lapin)

ผมว่าเหมาะกับทุกๆท่านที่รักการดื่มกาแฟและกำลังคิดไม่ออกว่า หลังเลิกงาน หรือสุดสัปดาห์
จะไปหาดื่มกาแฟดีๆได้ที่ไหนบ้าง ผมว่าในนี้มีคำตอบ นอกจากร้านกาแฟใน กทม แล้ว ยังมีต่างจังหวัดอีกหลายร้าน และรวมถึงร้านบางร้านที่ผมยังรู้สึกแปลกใจ พี่ไปหาร้านนี้จากไหน ??

ใครสนใจตาม Follow IG นี้ได้ครับบ

Click Here!

วันอังคารที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Espresso Perfect Shot?

สมัยผมหัดทำกาแฟใหม่ๆ ในช่วงนั้นผมเลยหาความรู้จากอินเตอร์เน็ตและสื่อต่างๆเรื่อยมา

จนมาเจอกับคำว่า Espresso Perfect Shot
ตามตำรา Italian หรือที่ไหนๆก็ต่างกล่าวไปว่า กาแฟ 7-9 กรัม (single shot) น้ำกาแฟออกมา 1 oz ในเวลา 25 วินาที

ผมเห็น คนนั้นพูด คนนี้พูด ผมก็ปักใจเชื่อมันมาตลอดเวลา

จนเข้ามาวันนึง ผมเริ่มดื่มกาแฟเป็นขึ้น สามารถแยกรส กลิ่น ได้ดีขึ้น จากแต่ก่อนไม่เป็นอะไรเลย

ผมเลยมาตั้งคำถามตัวเองว่า ไอ้ที่เค้ากล่าวๆมา มันจริงหรือเปล่า ?

จนผมมารู้ภายหลังว่า ตำราพวกนั้น ไม่ใช่เรื่องจำเป็นใดๆทั้งสิ้นเลย

Perfect Shot นั้นไม่ใช่ การกำหนดค่าต่างๆขึ้นมา แต่เป็นการทดลองเพื่อหาจุดสมบูรณ์ที่สุดในกาแฟตัวนั้นๆ

แน่นอน ต่างเมล็ด ต่างเครื่องชง ต่างเครื่องบด มันแทบจะไม่มี Perfect shot เหมือนกันซักตำราเดียว

กาแฟแต่ละตัวสามารถหา perfect shot ได้ด้วย การจินตนาการกระบวนการทำ ใช้กาแฟกี่กรัม ปรับเครื่องบดอย่างไง ให้น้ำกาแฟออกมาเท่าไหร่ ถ้าหนักหน่อยเอาให้อวกาศสุดๆไปเลยคือจูน temp ที่ foameter หัวชง หรือ ปรับ preasure profile สำหรับเครื่องที่มี function เหล่านี้

และสุดท้ายมันคือ การดมกลิ่นและชิม เท่านั้นที่จะทำให้รู้ว่า กาแฟทึ่ใช้ มัน perfect พอตามที่ต้องการหรือเปล่า

ถ้าการตั้งช็อทง่ายๆสุดสำหรับตัวผมเองที่ใช้อยู่ทุกวัน คือการตั้งกรัมกาแฟที่ใช้ก่อน จะใช้กาแฟกี่กรัม น้ำที่ออกมา ผมใช้วิธีการ ตัดสี คือการดูสีน้ำกาแฟในเวลาที่เปลี่ยนไป สีเริ่มเปลี่ยนไปทางจางลง ก็ตัดน้ำ เวลาไม่ใช่ตัวกำหนดเพียงแค่เป็นเครื่องอ้างอิง
โดยทุกสิ่งอย่าง ภาระไปอยู่ที่เครื่องบด ไม่ใช่เครื่องชง จากนั้นใช้การชิมเป็นตัวประเมินเท่านั้น

ส่วนตัว ผมมี perfect shot ในดวงใจ
แล้วคุณล่ะ มี perfect shot ในดวงใจหรือยัง

วันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2557

life start with good coffee

เมื่อวานคือวันศุกร์
ผมงัวเงียขึ้นมาทำงานตามปกติ

ผมทำงานที่อารีย์ แต่ดันไปถึงอารีย์ก่อนเวลาเข้างานเกือบชั่วโมง

ที่แรกที่ผมคิดออก "Coffee No.9" หรือพี่ต้นที่ใจดีของผมเอง

แวะซื้อข้าวเหนียวหมูทอดแอบมานั่งกินในร้านพี่ต้นด้วย และสั่ง No.9 signature ของร้านที่เป็นกาแฟเย็นที่อร่อยมากๆสำหรับผม

เท่านี้ ผมก็ชื่นใจแล้ว ณ เวลานั้น

ใกล้ถึงเวลางาน ผมจำต้องลาพี่ต้นไปทำหน้าที่ของตัวเอง
ระหว่างทางที่เดินผ่าน ผมก็ผ่าน "Bangkok Espresso Bar" ร้านคีออสคุณภาพดีอีกร้าน
ผมไม่รีรอที่จะแวะลองดื่มเอสเปรสโซ่ที่นี่ดูซักครั้ง

และได้เจอเจ้าของร้านพอดี ผมไม่รีรอจะสั่ง Doppio Ristretto มาดื่ม

ผมรอไม่นาน ลูกค้าก็ไม่มี แก้วทิวลิปสามออนซ์เล็กๆมาวางตรงหน้าผม

"ทำไมสีมัน ไม่ค่อยแดงเหลือง ออกคล้ำๆซะมากกว่า"ผมได้แต่คิดในใจ
แล้วก็วน เพื่อดมกลิ่น แต่ผมก็ไม่ได้กลิ่นที่ชัดเจนพอที่จะแยกออกว่าเป็นอะไร

ตอนนั้นมันมีสองทาง คือ ดีและแย่
ผมรีบสูดคำแรกลงลำคอ

สิ่งที่ผมเห็น กลับเป็นคนละแบบในปากผม

รสมันช่างหวาน หวานแบบเนิบช้า เหมือนคนไม่เร่งรีบอะไร ทุกอย่างมาแต่สิ่งดีๆทั้งช็อคโกแลตและAcidที่ไม่โดดแต่ละมุนลิ้น และรสสัมผัสที่ดีมาก เต็มปากเต็มคำ ผมอธิบายไม่ถูก จนผมนิ่งไประยะนึงเลยทีเดียว

พี่เจ้าของร้านถามผมเป็นอย่างไรบ้าง และเค้าก็เล่าเรื่องราวกาแฟของเขาที่ผมสนใจมากๆ

กาแฟแก้วนั้นอาจจะราคาแค่ 40 บาท เป็นกาแฟไทยที่คนอื่นอาจจะไม่ยอมรับและไม่เห็นค่า

แต่ที่นี่ทำให้ผมรู้สึกว่า ราคามันถูกเกินความสามารถมัน แต่ผมก็รู้สึกดีที่ อย่างน้อย คนทั่วไป จะได้มีกาแฟที่ราคาถูกมาก เมื่อเทียบกับรสชาด มันคือกำไรของคนกิน

และกาแฟแก้วนั้น ทำให้ผมตื่นจากความฝันอันเบื่อหน่าย และทำให้มีพลังในการสู้ชีวิตไปอีกซักครั้ง

สมกับคำว่า
"Life start with good coffee"
ชีวิตเริ่มต้นด้วยกาแฟดีๆ
01:33 .. 15 aug 57

วันอังคารที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เมื่อผมพบต้นกาแฟครั้งแรก

ในชีวิตรู้จักกาแฟแบบจริงจัง
ก็สองถึงสามปี

แต่ผมยังไม่เคยเห็นต้นกาแฟเลย
และเมื่อไม่นานมานี้ ทางร้าน "Gallery กาแฟดริป" ได้จัดกิจกรรม "วัล-ลี คัปปิ้ง" ที่ร้านอาข่า อ่ามาสาขาแรก

ช่วงนั้นผมไม่ว่างพอดี ติดธุระอะไรหลายๆอย่าง

แต่ก็ทนเสียงรบเร้าจากจิตใจตัวเองไม่ไหว จองไฟล์ทตีห้าเพื่อให้สูดบรรยากาศเมืองเชียงใหม่ให้เต็มที่
ตั้งแต่ผมจากที่นั่นมาสามปีกว่าได้แล้ว

ตลอดห้าวันนั้นผมได้เที่ยวตระเวณดื่มกาแฟ และมีโอกาสพบต้นกาแฟครั้งแรกในชีวิต

ณ ที่นั้น

ไร่ชาป่าเมี่ยง อ.เวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย
ตอนไต่จาก ระดับ 300 m จากระดับน้ำทะเลไปที่เกือบ 1000 m แล้ว ผมก็ตื่นเต้นมาก

พอไปถึงปุ๊บ ต้นกาแฟอยู่ไหน คือคำถามแรกจากผมต่อพวกพี่ๆเค้า

พอเดินไปเดินมา ก็เจอต้นไม้สูงเท่าๆตัวผม อาจจะสูงกว่าเล็กน้อย
ใบค่อนข้างยาว ต้นคล้ายๆพุ่มไม้อะไรซักอย่าง และมี เมล็ด สีเขียวๆ เล็กๆ
ตอนแรกผมนึกว่าต้นพริกไท

แต่จริงๆไม่ใช่ มันคือ ต้นกาแฟ
ที่กำลังตั้งท้องอ่อนๆ บ่มเพาะความอร่อย รอวันเติบโตอย่างช้าๆ

ผมได้แต่ยืนตื่นเต้น คนเดียว อยู่นานพอควร
แล้วก็ให้สัญญากับตัวเองว่า ปีใหม่นี้ ช่วงที่เมล็ดกำลังออกดอกพอดี
ผมหวังว่าผมจะได้มีโอกาสมาเก็บกาแฟต้นนี้จากมือตัวเองบ้าง

แค่คิดเท่านั้น ความฝันก็ล่องลอยแล้ว..





วันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ความไร้จรรยาบรรณของซัพพลายเออร์กาแฟ(บางเจ้า)

คุณผู้อ่านเคยเห็นเมล็ดกาแฟเป็นโถๆติดป้าย เอสเปรสโซ่ ลาเต้ ม็อคค่ามั๊ยครับ

สำหรับผมมันคือสิ่งที่แย่ของซัพพลายเออร์กาแฟคนไทย ที่หลอกขายคนไทยด้วยกัน

โดยพื้นฐานแล้ว เมล็ดกาแฟมีแค่ Arabica ,Robusta แบ่งใหญ่ๆสองประเภท
และแบ่งเป็นระดับการคั่ว แบ่งง่ายๆก็ อ่อน กลาง เข้ม

ส่วนพวกที่ทำธุรกิจแย่ๆแบบนั้น จะหลอกมือใหม่ หรือคนเริ่มธุรกิจใหม่ด้วยความไม่รู่ว่า

คุณต้องซื้อเมล็ดกาแฟจากเราไป จำนวน 5 ตัว ไว้ชงกาแฟ 5 เมนู
เอสเปรสโซ่ - สำหรับชงเอสเปรสโซ่ร้อน เย็น
คาปํชิโน่ สำหรับทำคาปูชิโน่
ลาเต้ สำหรับทำลาเต้
ม็อคค่า สำหรับทำ ม็อคค่า
บลูเมาเท่น สำหรับ บลูเมาเท่น

อธิบายบลูเมาท์เท่นซักนิด
บลูเมาเท่นเป็น Single Origin จากประเทศจาไมก้า โดยแหล่งปลูกจะเป็นดินภูเขาไฟที่ดี โดยปกติดินพวกนี้จะมีแร่ธาตุอาหารเยอะมาก จนทำให้กาแฟตัวนี่รสชาดค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์และดี แต่ผลิตมาในจำนวนที่น้อยเทียบต่อสัดส่วนความต้องการของตลาดโลก
จึงทำให้ราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับเมล็ดจากแหล่งปลูกอื่นๆ

แต่เมล็ดกาแฟที่ผมกล่าวไว้ข้างต้น ขายกิโลสามร้อยบาท ซึ่งถ้าเอาง่ายๆตามมูลค่าของบลูเมาเท่นแล้ว มันกิโลละหลายพันบาทเลยทีเดียว

การที่เค้าทำธุรกิจแบบนี้ มันคือการหลอกลวง จากเปิดร้าน ขายแค่ห้าโล 300x5 = 1500 บาท
แต่นี่ ขายตัวละ 5 กิโล 1500 ขายทีเดียว 5 ตัว 1500x5 = 7500 บาท !

หลอกกินฟรีนิ่มๆไปสบายๆทั้งๆที่กาแฟทั้งหมดก็คือ อราบิก้าเกรดล่างๆ อาจจะเบลน*โรบัสเกรดล่างๆรวมไปอีก คั่วมาพร้อมกันแต่ใส่ถุงคนละชื่อ เท่านั้นเอง
มันไม่มีการคั่วกาแฟเพื่อเมนูใดเมนูหนึ่ง แต่หากเพื่อเมนูเดียว นั้นคือ กาแฟ พวกนั่นมันแค่ชื่อเรียกเท่านั้นเอง เอสเปรสโซ่ เอาเมล็ดอะไรมาชงผ่านเครื่องเอสเปรสโซ่ มันก๋ยังเป็นเอสเปรสโซ่อยู่ดีครับ

ผมรู้สึกไม่ดีมากๆถ้าการหลอกลวงแบบนี่ยังเกิดขึ้นอยู่ในไทยหรือที่ใดๆก็ตาม ผมมองว่ากาแฟไทยควรจะพัฒนาและขยายความรู้กันมากขึ้น
คนกินรู้ขึ้น คนทำรู้ขึ้น เท่านี้ กาแฟบ้านเราจะพัฒนาไม่แพ้สิงคโปร์ตอนนี้เลย

---
*เบลนกาแฟ คือการผสมกาแฟของแต่ละชนิดไว้ด้วยกัน เดี๋ยวมีโอกาสผมจะมีคุยกันเรื่องนี้อีกทีฮะ