วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Cupping : การฝึกชิมกาแฟง่ายๆด้วยตนเอง

คัพปิ้ง :: Cupping

เป็นวิธีการชิมกาแฟ เป็น single origin เป็นการทดสอบกาแฟชนิดนั้น เพื่อให้รู้ว่า รส กลิ่น บอดี้ อาฟเตอร์เทส เป็นอย่างไง หลักๆจะใช้วิธีเดียวกับการชิมไวน์ โดยการบดกาแฟคั่ว ให้หยาบๆ เทน้ำร้อนไปในแก้ว รอซักพัก ดมกลิ่น ตักผงกาแฟออกแล้วค่อยชิม

ผมเลยอยากฝึก หรือเรียน เพื่อที่จะฝึกชิมกาแฟ แยกรสให้ออก
ส่วนตัวผมไม่เคยผ่านการคัพปิ้ง แบบ traditional cupping

เคยกำเงินรอ บริษัทกาแฟเจ้านึงจัด แต่แล้วก็ไม่จัดซักที

ผมจะทำไงดี ถามใคร ก็ไม่รู้จัก
ผมเลยลองหาร้านกาแฟที่ค่อนข้างมีคุณภาพ แต่ส่วนใหญ่ ไทยจะเป็นรูปแบบคาเฟ่ ไม่มีที่นั่งตรงบาร์ และส่วนใหญ่บาริสต้าหรือคนชงกาแฟในร้านจะมีความรู้พอเรื่องนี้หรือเปล่า

ผมเลยหาร้านที่ เจ้าของร้านทำเอง มีบาร์นั่ง และเป็นร้านมีคุณภาพและค่อนข้างได้รับการบอกต่อๆกันมา

ที่แรกที่ๆผมไปฝึกคัพปิ้งด้วยตนเอง
ผมไป Gallery กาแฟดริป

ทุกอย่างเข้าเค้าที่ผมตั้งความหวังไว้ และผมคิดว่า การกินกาแฟดริป ก็คงไม่ต่างกับการเทรดดิชั่นคัพปิ้งเท่าไหร่

ผมเดินทางไปคนเดียว ตอนบ่ายสามบ่ายสี่ที่คิดว่า ร้านคงจะว่างๆ ไม่ใช่ช่วงพีค แต่เปล่าเลย คนเยอะอย่างกะหนอน หน้าบาร์คนเต็ม ความหวังนี้จบลงตั้งแต่ยังไม่ได้กินกาแฟซักแก้วเลย

ผมยืนรอ ซักพัก ไม่ได้กินแน่ กลับ จบกันความหวัง แล้วใกล้ปิดร้านมาใหม่ดีกว่า

และสองทุ่มครึ่ง ผมก็ไปถึงร้านอีกครั้ง คนเบาบาง ผมได้นั่งตรงบาร์สมใจ

จำได้ตอนนั้นสั่งกาแฟไทย แม่จันใต้ แต่จำสวนไม่ได้ มาดื่ม พร้อมขอถามพี่ปิเจ้าของร้านว่า

กาแฟแก้วนี้ รสจะเป็นแบบไหนครับ ?

พี่ปิก็เล่าๆมา ผมก็ตั้งใจดื่มเพื่อหาสิ่งที่พี่ปิบอก

และมันก็เจอจริงๆ


จากนั้น ผมจึงเลือกไปร้านนี้ก่อนปิดร้านทุกครั้ง เพื่อได้เรียนคัพปิ้งฝึกชิมแยกรส แยกสัมผัส ด้วยตัวเอง ซึ่งมันก็ช่วยได้มากเมื่อมาชิมเอสเปรสโซ่ เพราะรู้แนวๆ มันทางเดียวกัน

พี่ปิ พี่เอ ทุกๆคนในร้าน Gallery กาแฟดริปจึงเสมือนครูสอนคัพปิ้งคนแรกของผม แม้ตอนนั้นจะไม่รู้จักกัน แต่ผมก็รู้สึกดีและขอบคุณน้ำใจที่พี่เค้าช่วยแนะนำการดื่มกาแฟให้อร่อยขึ้นกับผมอีกเยอะเลย

วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ปัญหาโลกแตก : Espresso เย็น

Entry นี้ เป็นความเห็นส่วนบุคคลนะครับ ไม่มีหลักการอ้างอิง (มีแต่หลักกู ฮ่าๆๆๆ)

เอสเปรสโซ่เย็น ชื่อที่คนไทยรู้จักกันดี แต่ก็มีส่วนหนึ่ง (ที่ส่วนใหญ่เป็นบาริสต้า) ต่างส่ายหน้าและพูดว่า มันไม่ควรจะมีเมนูนี้

ตามประวัติแล้ว ไมุุ่รู้ใครสรรค์สร้างมันขึ้นมา หลวงประดิษฐ์เอสเปรสโซ่เย็นก็ไม่ใช่ ขุนวิจิตรลาเต้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ถ้าพูดในความหมายที่ตรงกันก็คือกาแฟเย็นในแบบคนไทย

กาแฟเย็นคนไทย ในความหมายเวลาเราไปสั่งกาแฟเย็นกับร้านกาแฟโบราณ เราจะได้กาแฟที่รสค่อนข้างเข้ม และ หวานมัน

คนไทยชอบกินกาแฟใส่นมข้นหวานนั่นเอง

เอสเปรสโซ่เย็นตามความคาดการณ์ของผมคือ ด้วยลักษณะคนไทย เมืองร้อน ย่อมชอบดื่มอะไรเย็นๆ และสมัยสิบกว่าปีมาแล้วที่เครื่องชงกาแฟแบบเอสเปรสโซ่เพิ่งเข้ามาในไทย องค์ความรู้ต่างๆยังไม่เท่าบรรดาที่ริเริ่มอย่างอิตาลี่ หรืออเมริกา

เราก็ชงกาแฟเย็นในรูปแบบคนไทย คือ กาแฟ บวกนมข้น แค่เปลี่ยนจากน้ำกาแฟในถุงเท้า มาเป็นหัวกาแฟสกัดเข้มข้น ดูหล่อจากเครื่องชงเท่านั้นเอง และด้วยมันเริ่มต้นจากเอสเปรสโซ่ ดูเข้มข้น ซึ่งกาแฟเย็นคนไทยก็เข้มข้น จึงไม่แปลกที่จะชื่อเอสเปรสโซ่เย็น

สำหรับร้านเอสเปรสโซ่บาร์ในปัจจุบัน เมนูนี้มักไม่เจอในป้ายเมนู แต่กลับกลายเป็น Thai Style Ice Coffee ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องดี หากเรา(บาริสต้า ลูกค้า) จะมาสื่อสารในสิ่งที่เข้าใจตรงกัน

ส่วนในอเมริกา เริ่มมีบางร้านเอาเมนูนี้มาเป็น signature drink ของร้านเรียก Thai Ice Espresso ซึ่งมีคลิปสอนการทำเป็นเรื่องเป็นราว และฝรั่ง(ฝั่งเมกันกะออสซี่)ปัจจุบันเริ่มจะหันมาสนใจเมนูกาแฟเย็นมากขึ้น จนเข้าขั้นบ้าคลั่งในการคิดสูตรกาแฟเย็นเลยทีเดียว เพราะตอนนี้ สมรภูมิกาแฟที่ผมเจอคือการนำเสนอความต่าง ใครต่างสุด ใครแปลกสุด อร่อยสุด จึงไม่แปลกที่จะเริ่มได้ยินชื่อร้านแนวใหม่ๆมากขึ้นในปัจจุบัน

ส่วนคนไทยก้าวหน้าเรื่องเอสเปรสโซ่เย็นไปนานแล้ว ฮาาๆๆ

วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ประสบการณ์ การหางานในร้านกาแฟ(โดยเราไม่มีประสบการณ์)

ผมดื่มกาแฟก็ไม่ค่อยจริงจังมาก ก่อนมาทำกาแฟ เหตุผลที่มาทำอันดับแรกๆคือ
1.ผมรักการดื่มกาแฟ และอยากทำ
2.ผมไม่มีเงิน

2 เหตุผลง่ายๆ ช่วงแรกมีงานกุ๊ก ให้ไปช่วยงานเป็นผู้ช่วยกุ๊ก (อันนี้ผมพอมีประสบการณ์ในร้านอาหารบ้าง) ค่าแรงดี ทำ8 ชั่วโมง วันละ 600 ผมตาลุกวาวเลยตอนนั้น แต่พอปรึกษาทางบ้านก็บอกว่า อย่าทำเลย

อันดับต่อมา คือ งานร้านกาแฟ งานนี้มีมาก และผมก็ชอบด้วย เลยคิดว่า เราน่าจะไปทำร้านกาแฟดีกว่า จะได้แฮปปี้ วินๆ ผมทำงานในสิ่งที่รัก และได้ค่าตอบแทน

แต่งานนั้นเป็นสิ่งหายาก บางร้านก็รับแต่ผู้มีประสบการณ์ และน้อยคนที่จะสนใจคนในวัยเรียนอย่างผม บุคลิกไม่ดี หน้าตาไม่ดี (บางร้านเน้นเรื่องนี้) แม้ว่าผมจะพูดภาษาอังกฤษคล่องปร๋อเลยก็ตาม (เรื่องภาษาช่วยผมได้มากช่วงหลัง)

อันดับแรก ผมเปิดเว็ปบลูคอฟ และร้อยตะวัน เพื่อหางานทันที แม้ในช่วงแรกผมมองหางานในเชนกาแฟเช่นสตาร์บั๊ค แต่ผมคิดว่า ไม่สนองต่อตัวเองเท่าไหร่ และโอกาสพัฒนาตัวเองค่อนข้างน้อย ผลเลยจบที่้ร้านอินดี้

ผมโทรไปทุกที่ที่สมัคร ตระเวณส่ง Resume ไม่ต่ำกว่า 20 ที่ ในช่วงอาทิตย์เดียว แต่ละที่พอเห็นเป็นคนไร้ประสบการณ์ โดยไม่สนว่าเราจะสนใจในเรื่องกาแฟขนาดไหน ก็รับ Resume ไว้และบอกว่า จะติดต่อกลับไป  หรือบางร้านที่สนใจเรา แต่พอเราไม่มีประสบการณ์ก็บอกว่า ให้เราไปทำอย่างอื่นในร้าน ล้างจาน ทำขนม (อันนี้ผมเคยอบรมระยะสั้นมา) แคชเชียร์ หรือบางร้านที่เป็นร้านกาแฟที่ทำร้านเน็ตก็ให้ผมไปเฝ้าร้านเน็ตก็มี แต่ผมก็ปฏิเสธด้วยว่า เราควรมีตัวเลือกที่ดีกว่านี้

ผมกลับมานอนรอเฉยๆเป็นสัปดาห์ แต่ก็เงียบ

จนกลางดึก ผมเปิดเว็ปนึงเจอรับสมัครงานร้านนึง เป็นพนักงานร้านกาแฟ
ตอนเช้าผมไม่รีรอ รีบไปร้านนี้ พี่เค้าก็ค่อนข้างใจดี และคุยถูกคอ พอรู้ว่าอยู่ในกรุ๊ปชมรมบาริสต้าเดียวกันก็ยิ่งดี พี่เค้าไม่บอกว่าติดต่อกลับไป แต่บอกว่า มาเริ่มงานได้เลย และให้เรตค่าแรง ชั่วโมงละ 35 บาท ให้ผมทำวันละ 9 ชั่วโมง ซึ่งผมไม่รู้ว่ามากหรือน้อยหรอก

แต่ถ้าได้ทำกาแฟ มันก็คุ้ม

วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

กาแฟแก้วที่เปลี่ยนชีวิตการดื่มกาแฟไปตลอดกาล

อดีตผมเคยเรียนอยู่เชียงใหม่ ตอน ปี 1 มีรุ่นพี่ที่รู้จักกันผ่านเฟซบุ๊ค เค้าทำกาแฟอยู่ในร้านแห่งหนึ่ง ซึ่งผมก็ตามไปกินที่นี่ทุกวัน และพี่คนนี้ก็แนะนำให้ผมรู้จักกับกาแฟค่อนข้างมาก และเป็นคนที่บอกว่า
"เห้ย กินกาแฟทั้งที อย่ากินกาแฟเย็นสิ ไม่อร่อย ต้องกาแฟร้อน"

พอสิ้นประโยคนี้ ผมกลัวมาก ผมกลัวกาแฟขม แต่ไม่เลย กาแฟแก้วนั้น คาปูชิโน่ร้อน มันไม่ขมเลย

แต่ตอนนั้นก็ยังเฉยๆ ยังคงกลับไปดื่มกาแฟเย็น เอาเปรสโซ่เย็น เสมอๆต่อมา ฮ่าๆๆๆ

และแล้ววันนั้นก็มาถึงครับ บ่ายแก่ๆ รุ่นพี่คนนี้ย้ายจากเชียงใหม่ มาทำร้านเองที่ กทม

อยู่ดีๆพี่คนนี้ก็ทักแชทมา
"มีของดี อยากรู้ให้รีบมาก่อนจะหมด"

ผมจับรถจากรังสิตไปจรัญ ซอย 3 ทันทีครับ เพื่อเจอกับ


"Guatemalan Antigua" คั่วโดย Micro-Roaster จากเขต Chelsea ประเทศอังกฤษ ชื่อโรงคั่วว่า Whittard ดำเนินการคั่วมาตั้งแต่ปี 1886 (ซองประมาณนี้เลยแต่ซองนั้นจะเขียนคำประมาณว่า Roasted for Filter coffee และกาแฟที่มาจากแหล่งปลูกแหล่งเดียว เราจะนิยมเรียกว่า Single Origin )

พอมาถึง พี่แกก็เอาถุงยับยู่ยี่มาให้ดู สรรพคุณถามแล้ว ไม่รู้ เพราะเพิ่งได้มา จากเพื่อนที่ไปอังกฤษแล้วซื้อมาฝาก

จากนั้นพี่แกก็บรรจงวางกรวยดริป (ผมก็เพิ่งเคยเห็นการดริปครั้งแรกวันนั้น และผมก็ไม่ชอบกินกาแฟดำเลย กินแต่กาแฟนมมาตลอด)

ดริปด้วยวิธีแบบไหนไม่รู้ อุณหภูมิเหมาะสำหรับกาแฟหรือเปล่า ก็ไม่รู้ น้ำที่ได้กับผงกาแฟที่ใช้สัมพันธ์กันหรือเปล่า ก็ไม่รู้อะไรเลย

แต่กาแฟแก้วนั้นกลับอร่อยอย่างประหลาด

ตอนนั้นผมยัง cupping ไม่เป็น แต่ผมชิมแล้ว มันไม่เหมือนกาแฟที่เราเคยกินเลย

มันไม่ขม อมเปรี้ยวหน่อยๆ และค่อนข้างหอมแบบเครื่องเทศ

จากวันนั้น จนถึงวันนี้ Guatemala Antigua ผมกินมาหลายสิบ หรือหลายร้อยแก้ว แต่ผมก็ยังจำรสชาดวันนั้นได้ ไม่เคยลืม

วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Ristretto แก้วแรกที่ผมรู้จัก


Ristretto ลาดพร้าว 71

ช่วงกลางปีที่แล้ว ผมเพิ่งเริ่มทำกาแฟได้ไม่นานนัก หลังจากที่ตระเวณตามร้านคนรู้จักอย่างเดียว จนเมื่อวันนึง มิตรสหายบาริสต้าก็บอกผมว่า ถ้าอยากรู้อะไรมากกว่านี้ ให้มาที่นี่

เช้าวันต่อมา รีบจับสาย 8 ตรงดิ่งมาที่นี่เลย

เจ้าของร้าน ชื่อ พี่เจี๊ยบ สำหรับผมถือเป็นเทพเจ้าสำหรับกาแฟเลยก็ว่าได้ ด้วยการเลือกใช้สิ่งที่ดีที่สุด ในร้าน ทั้งเครื่องชง Synesso ราคาครึ่งล้าน เครื่องบดสองตัว กับบาร์เล็กๆเปิด Acid Jazz ฟังตอนบ่าย

ผมไปครั้งแรก เดินเข้าไปที่บาร์ สั่ง espresso แก้วนึงครับ แล้วเดินไปนั่งรอของดีอยู่ที่โต๊ะไม้กลมๆแต่เพียงลำพัง ในร้านไม่มีลูกค้า นอกจากผม และพี่เจี๊ยบ 

ผมไม่กล้าคุย ถามอะไร เนื่องด้วย วัยวุฒิที่ต่างกันค่อนข้าง ค่อนข้างประหม่า 

เสียงแอร์ในร้านดังเอื่อยๆ สลับกับเสียงเครื่องบดที่เริ่มทำงาน ผมดูพี่เจี๊ยบทำ ผมว่าพี่เจี๊ยบเป็นคนที่ทำกาแฟได้ตั้งใจสุดๆคนนึงเท่าที่ผมรู้จักเลย

ซักพักซัก สามนาที ผมกำลังเคลิ้มไปกับท่าทางการทำ พลางๆฟังเพลงอย่างรื่นหู เอสเพลสโซ่ได้แล้ว ดังขึ้นแทรกขึ้นมาในบรรยากาศ

ผมลุกขึ้นไปอย่างเงียบๆ ไปหยิบแก้วนี้มานั่งบนโต๊ะ เสียงตามมาข้างหลัง เคยกินหรือเปล่า ดื่มน้ำก่อน และอย่าใส่น้ำตาลนะ ผมได้แต่ครับด้วยความเกรงใจ

พอลงมานั่ง ผมดมกลิ่น ทำไมมันกลิ่นแปลกๆ มีกลิ่นที่รู้สึกว่าหวาน เปรี้ยว ในคราวๆเดียวกัน 

ไม่รอช้า ผมรีบสูดคำแรกลงไปในลำคอ 

เห้ย ! ทำไมที่นี่ กาแฟมันหวานอย่างนี้วะ ผมตกใจพรางดื่มน้ำตามเพื่อให้แน่ใจว่า ตอนนี้ผมลิ้นไม่ฝาดแน่

คำที่สอง ผมตกใจกว่าเก่า ทำไมมันเปรี้ยวแบบนี้วะ 
ทีนี้มันก็จะเหลือน้ำดำๆ อยู่ก้นแก้วแล้ว เพราะว่าคำแรกและคำสอง ครีม่ามันถูกผมกลืนไปเป็นที่เรียบร้อย

ผมเคยอ่านวิธีการดื่มเอสเปรสโซ่มาบ้าง เค้าแนะนำให้ทดสอบ กลิ่น รส บอดี้ อาฟเตอร์เทส ซึ่งสุดท้ายอาฟเตอร์เทส มันจะอยู่ในน้ำดำๆนี่แหละ จะทำให้เรารู้ว่า กาแฟนั้น ทิ้งอะไรดีๆไว้ให้เราบ้าง

ผมรีบซดคำสุดท้ายลงไปในคอ มันหวานและเปรี้ยวอย่างประหลาด ผมเคยหัดดื่มเอสเปรสโซ่มา เจอแต่ ขม ขม ขม ขม ขม หรือบางทีก็แยกไม่ออกว่ามันเป็นรสอะไร

แต่ที่นี่ กาแฟมันหวาน

ผมจ่ายเงิน 60 บาทพร้อมก้มขอบคุณพี่เจี๊ยบ และวันนั้นผมไม่ได้ดื่มน้ำตามหลังจากคำสุดท้ายเลย

2:17 เริ่มเขียน blog อีกครั้ง

สวัสดีทุกท่านที่หลงเข้ามา และตั้งใจเข้ามา

ผมเคยเขียนบทความในรูปแบบนี้ตั้งแต่เล่น diaryhub เมื่อเกือบสิบปีก่อน เล่น pantip blog จนไม่รู้จะเขียนอะไรอีก (ส่วนใหญ่เขียนเรื่องกีฬา ท่องเที่ยว)

ผมคิดว่า เราก็น่าจะเขียนบันทึกไว้ใน Facebook แต่ถ้าเอาตามลำดับสำคัญ สิ่งนั้นน้อยคนมากที่จะเปิดอ่านและติดตาม และมันไร้เสน่ห์ของการเขียน blog อีกต่างหาก

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ลองเขียนใน blogger.com ถ้ามีเวลาว่างก็จะพยายามมาอัพ เรื่องที่เกี่ยวกับกาแฟ

ความเป็นอยู่ของบาริสต้า เรื่องขำขัน ชีวิตประจำวันของคนทำกาแฟ

ขอบคุณทุกท่านอีกครั้ง

Mr.Ristretto